คำว่า connection นั้น ความหมายตรงตัวหมายถึงการเชื่อมโยง หรือการเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ในบางครั้งเรายังสามารถแปลว่าการติดต่อ หรือแปลว่า ความสัมพันธ์ก็ได้ ในภาษาไทย คำๆ นี้บางทีเราเขียนว่า คอนเนคชั่น , คอนเน็คชั่น , คอนเนกชั่น หรือ คอนเนคชัน ตามแต่ผู้เขียน ซึ่งก็ล้วนแต่หมายถึงสิ่งเดียวกัน แต่คำว่า connection เมื่อพูดแบบทับศัพท์แล้ว มักจะมีความหมายพิเศษ เช่น รู้จักใครเป็นพิเศษ หรือมีความสัมพันธ์อันดีกับใครเป็นพิเศษ บางครั้งอาจตีความไปได้ว่า มีเส้นสาย ซึ่งความจริงก็ไม่เสมอไป แค่มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน ช่วยเหลือเกือกูลกัน ก็สามารถเรียกว่า คอนเนคชั่น ได้
ถ้าธุรกิจเปรียบเสมือนต้นไม้ คอนเนคชั่น หรือเครือข่ายทางธุรกิจก็ไม่ต่างอะไรจากรากของต้นไม้ การบริหารจัดการที่ดีนั้นเป็นเพียงรากแก้วที่ให้ความมั่นคง สังเกตว่าพายุแรงๆ มาต้นไม้ที่ล้มส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ที่ล้อมมาลงเป็นต้นใหญ่ๆ ต้นไม้นั้นถูกตัดรากแก้วออกไป แต่รากแก้วเพียงเส้นเดียวไม่ทำให้ต้นไม้เกิดความมั่นคงด้านน้ำและอาหารได้ รากแขนงที่แตกสาขาออกไปและยังมีรากฝอยแยกย่อยออกไปอีกต่างหากที่ทำให้ต้นไม้ใหญ่มีน้ำและแร่ธาตุหล่อเลี้ยงได้ ด้วยความที่แผ่กระจายออกไปยังพื้นที่กว้างใหญ่ย่อมไม่พลาดโอกาสเจอแหล่งน้ำแหล่งอาหาร
ธุรกิจก็เหมือนกันต้องการ คอนเนคชั่น ต้องการเครือข่ายเพื่อลดความเสี่ยง และประคับประคองกันไปให้รอดเมื่อเกิดวิกฤติ คอนเนคชั่น ไม่ใช่ส่วนประกอบที่เสริมเข้ามาจากการทำธุรกิจ แต่เป็นสิ่งจำเป็นของเจ้าของกิจการทุกคนที่จะต้องมีและสร้างให้เกิดขึ้น คอนเนคชั่น ทางธุรกิจหมายถึงโอกาส และการที่กิจการของคุณนั้นได้เป็นที่รู้จัก
คอนเนคชั่น ทางธุรกิจ มีบทบาทมากตั้งแต่เริ่มเปิดกิจการเลยและมีความสำคัญเทียบเท่ากับการบริหารจัดการที่ดี ยิ่งมี คอนเนคชั่น เยอะเท่าไร หมายถึงคุณมีตัวเลือก มีทางออกสำหรับเรื่องต่างๆ ปัญหาต่างๆ มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับใครเพียงแค่ไม่กี่คน อำนาจในการต่อรองของคุณเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการที่คุณสามารถเลือกได้มากกว่าที่จะต้องง้อ หลังจากผู้ประกอบการรายใหม่ดำเนินกิจการไปสักระยะจะพบว่า คอนเนคชั่นทางธุรกิจ ที่คิดว่ามีอยู่มากพอ อาจจะเป็นบรรดาคนรู้จักมักคุ้นกันก่อนเริ่มออกมาเปิดธุรกิจ เริ่มไม่เพียงพอ ขณะที่คุณไม่ค่อยได้รู้จักใครใหม่มากเท่าที่ควร คุณจะเริ่มรู้สึกว่าธุรกิจไม่ก้าวหน้าไปเท่าที่ใจหวัง เมื่อนั้นคุณจะเริ่มมองหาโอกาสที่จะได้รู้จักคนอื่นๆ ธุรกิจอื่นๆ มากขึ้น อาจจะไปเดินตามงานแฟร์ต่างๆ ที่มีเจ้าของธุรกิจหลากหลายมาออกร้าน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ประกอบการขนาดไล่เลี่ยกันกับคุณ แล้วคุณก็รู้สึกว่าใครๆก็ไม่สนใจคุณเท่าที่ควร เช่นเดียวกับที่คุณรู้สึกว่าคนอื่นก็ไม่ค่อยจะน่าสนใจเท่าไร บรรยากาศก็ไม่ค่อยดีเหมือนทุกคนพยายามนำเสนอตัวเองมากเกินไป
ความจริงที่เป็นมาโดยตลอดคือคนไม่ค่อยใส่ใจธุรกิจขนาดเล็กเท่าที่ควร แต่ถ้าลองเปรียบเทียบกับการที่คุณไปฟังบรรยายสักเรื่อง ถ้านึกถึงผู้บรรยายที่ทำให้คุณเงยหน้าขึ้นฟังอย่างตั้งใจก็คงเป็นผู้บรรยายที่มีชื่อเสียง และเปี่ยมไปด้วยความเชี่ยวชาญมากกว่าจะเป็นผู้บรรยายหน้าใหม่ที่ดูอ่อนประสบการณ์ ทั้งสองเหตุการณ์ต่างเป็นความจริงในลักษณะเดียวกันคือ อะไรที่เล็กๆ พูดอะไรก็พูดไปเถอะคนไม่ฟัง ยิ่งพูดเรื่องตัวเองคนยิ่งอุดหูเลย แต่อะไรที่ใหญ่ๆ พูดอะไรคนก็ฟัง ต่อให้พูดเรื่องตัวเองก็มีคนฟัง จากความจริงก่อนหน้าคงพอสรุปได้ว่า เก็บแรงไว้ดีกว่าแล้วให้คนดังๆ ธุรกิจใหญ่ๆพูดแทนเรา แค่พูดถึงหรือถามถึง ได้สองเด้ง คือ ได้คนฟัง เพราะเขาธุรกิจใหญ่ เพราะเขามีชื่อเสียง พูดอะไรคนฟัง คนได้ยิน และสิ่งที่จะได้ตามมาคือความน่าเชื่อถือจากคนที่พูดถึงเราด้วย
โฆษณาหลายชิ้นมักยืมปากผู้เชี่ยวชาญให้พูดถึงสินค้าของตน หรือบางชิ้นอาจเล่ห์เหลี่ยมจัดถึงขั้นจัดตั้งหน้าม้าเพื่อตั้งกระทู้ชื่นชมแนะนำผลิตภัณฑ์ของตนเองในฐานะผู้ใช้ เพราะอะไรถ้าไม่ใช่เพราะคนอยากฟังจากคนอื่นมากกว่าจากเจ้าตัว โดยเฉพาะจากคนที่ไม่ไดมีส่วนได้ส่วนเสียจากการออกมาพูดเรื่องนั้น ไมโครแบรนด์ (microBrand) เองซึ่งเป็นสื่อทางธุรกิจสื่อหนึ่งก็อยู่ภายใต้หลักการนี้การสัมภาษณ์ธุรกิจต่างๆ ของเราเป็นในฐานะคนกลางระหว่างเจ้าของกิจการที่นำเสนอข้อมูลไปสู่ผู้อ่านอย่างตรงไปตรงมา ถึงตรงนี้คุณอาจจะสงสัยว่าที่อ่านๆ มาสองย่อหน้าข้างบน มันทำได้จริงหรือและใครจะให้คุณยืมปากฟรีๆ ขอย้ำว่าทำได้จริง และไมโครแบรนด์กำลังจะบอกคุณต่อจากนี้ไป เพื่อให้คุณนำไปใช้ได้ในการไปฟังบรรยาย สัมมนา พบปะสังสรรค์ครั้งต่อไป
ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจความกลัวและความกังวลใจลึกๆของ ผู้บรรยายหรือพิธีกรในงานต่างๆ คือ กลัวไม่ได้รับความสนใจ หรือแป้ก กลัวไม่ได้รับความร่วมมือเวลาทำกิจกรรม เล่นเกมส์แล้วไม่มีคนออกมาเล่นด้วย หรือกลัวถามไปแล้วไม่มีคนตอบ ไม่มีคนแสดงความเห็น และคนสำคัญที่คุณต้องเข้าใกล้ทุกครั้งที่ไปงานก็คือคนคนนี้แหละ
1. กระบวนการสร้างคอนเนคชั่น ของคุณต้องเริ่มต้นตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน เจียดเวลาสักสิบห้านาทีถึงครึ่งชั่วโมงค้นหาข้อมูลสักหน่อยว่าวันนั้น ผู้บรรยาย วิทยากรหรือพิธีการ ผู้ดำเนินรายการ เป็นใคร มาจากไหน เชี่ยวชาญอะไร สนใจอะไร
2. ไปถึงงานก่อนเวลาสักยี่สิบนาทีหาจังหวะเหมาะเข้าไปพูดคุยทำความรู้จัก บอกว่าคุณติดตามเขามาพอสมควร อ้างอิงข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาสักเล็กน้อยอาจจะถามเรื่องผลงานของเขา หรือคุยถามความเห็นในสิ่งที่เขาสนใจเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณรู้เกี่ยวกับเขาจริง ปกติวิทยากร พิธีกร จะมาถึงก่อนเวลาอยู่แล้วประมาณหนึ่งชั่วโมง และยินดีมากที่จะรู้จักคนที่จะเข้าร่วมงาน เพราะเขาเองคาดหวังว่าจะพึ่งพาคุณเหมือนกันในกรณีที่ต้องการใครสักคนเพื่อแก้ไขบรรยากาศที่แป้ก
3. หลังงานเริ่มก็ดำเนินแผนการต่อไปทันที ไปนั่งในที่ที่ผู้บรรยายหรือผู้ดำเนินรายการมองเห็นได้ถนัด จะนั่งหน้าก็ได้หรือนั่งกลางๆในแนวที่เขานั่งบรรยายหรือยืนพูด สังเกตตำแหน่งโต๊ะหรือไมโครโฟนจะเป็นตัวบอก
4. ระหว่างการบรรยายหรือสัมมนาให้สบตากับผู้บรรยายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะจังหวะที่เขาแป้ก ต้องการแสดงความคิดเห็น ต้องการคนตอบคำถามหรือร่วมเล่นเกมส์ มีแนวโน้มสูงที่เขาจะหันมาที่คุณ อาจจะเชิญมาทำกิจกรรม ตอบคำถาม หรือแสดงความคิดเห็น
5. ถ้าเขาไม่เชิญคุณก็สามารถยกมืออาสาได้เลยโดยความเป็นไปได้สูงที่เขาจะเลือกคุณ หรือไม่ต้องพยายามขนาดนั้นเขาอาจจะพูดถึงคุณ ยกตัวอย่าง หรือเชิญคุณโดยตรงเลยก็ได้เพราะคุณเป็นไม่กี่คนในห้องที่เขารู้จัก
…แล้วโอกาสก็มาถึงมือคุณ ผู้บรรยายและผู้ดำเนินรายการเกือบทั้งหมดมักจะแนะนำตัวคนที่เขาเชิญมาร่วมกิจกรรมหรือพูดคุยด้วยถ้าเขามีข้อมูลเพียงพอ ในกรณีนี้เขาอาจจะแนะนำคุณต่อผู้ฟังคนอื่นๆได้บ้างเพราะคุณคุยกับเขาแล้วก่อนเริ่มงานสัมมนา แต่ถ้าข้อมูลที่เขามียังไม่มากพอเขาจะขอให้คุณแนะนำตัวเองซึ่งส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้น
ถึงจุดนี้คุณอาจจะต้องเตรียมการแนะนำตนเองไว้พอสังเขปเพื่อความคล่อง ตรงจุดและครบประเด็นสำคัญที่คุณต้องการให้ทุกคนรู้ ในกรณีหลังแม้จะไม่ได้ยืมปากเขาพูดถึงคุณ แต่ทุกคนยินดีฟังเพราะไม่ใช่การเสนอตัวแนะนำตนเอง แต่เป็นการถูกถามถึงซึ่งน่าสนใจกว่ากันเยอะ หลังจบงานอย่ารีบกลับรอสักครู่เปิดโอกาสให้คนที่สนใจเข้ามาพูดคุยกับคุณด้วยล่ะ และเตรียมนามบัตรติดกระเป๋าไว้เสมอ (ผมคิดว่าในตอนต่อไปของ microBrand Magazine เราต้องพูดเรื่อง “นามบัตร” กันสักหน่อย ว่าออกแบบอย่างไร ทำอย่างไร พิมพ์ที่ไหนดี) เตรียมตัวให้พร้อมแล้วออกไปสร้าง คอนเนคชั่น ทางธุรกิจ กันเลย เปลี่ยนตัวคุณให้เป็นนักธุรกิจ เจ้าของกิจการที่เครือข่ายกว้างคนหนึ่ง หรือจะส่งเรื่องราวธุรกิจของคุณมาให้เราพูดแทน ทำให้เป็นเรื่องเล่าที่น่าสนใจสักเรื่องก็ได้ติดต่อ ประชาสัมพันธ์กับไมโครแบรนด์
1. โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค คืออะไร ใช้งานอย่างไร
2. การตลาดบน โซเชียลเน็ตเวิร์ค
เนื้อหานี้สรุปมาจากการฟังบรรยาย เรื่อง Mind Map โดยคุณดำเกิง ไรวา แก่นักศึกษาหลักสูตร Flexible MBA ณ ห้องประชุมจีระ บุญมาก อาคารสยามบรมราชกุมารี สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)
m.Pol สรุปเมื่อ 15 มิถุนายน 2556
หน้าที่เข้าชม | 48,082 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 33,653 ครั้ง |
เปิดร้าน | 13 ม.ค. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 3 ก.ย. 2568 |
https://sites.google.com /view/lineid0882581673/home
สำหรับลิงค์เว็บติดตามการทำงานในระบบ
********
*********
https://goo.gl/photos
/FhtoAdZmQmTNgVWV6
สำหรับสมาชิก D100
opp on line 24 ชั่วโมง
http://pageqqwecando.lnwshop.com/category/4
เพื่อความผาสุขของสังคม
ร่วมด้วยช่วยกัน
สมาชิก ช่วยแชร์ เชิญชวน พ่อแม่พี่น้อง ชาวพะเยา
เข้ามาเป้นสมาชิก ไลน์แอด 191พะเยา ได้โดย
1.สแกรนคิวอาร์โคีชด้านบน
2. เพิ่มเพื่อนใน ไลน์ โดย ค้นหา ID @191phayao
เพื่อรับข้อมูลที่มีประโยชนื และสามารถแจ้งข้อมูล
แจ้งเหตุ เข้ามาได้ครับ
ไลน์เจ้าของร้านนี้คือ
ติดต่อหน้าร้านเรา
ติดตาม
timeline
ของผม
ได้ที่นี่
ฝากรูปภาพประชาสัมพันธ์..ฟรี..ได้ที่นี่..
https://goo.gl/photos/BbRP5toKB3s2Ubaw6
https://photos.google.com/albums
www ในเครือข่ายเรา